กสิกรฯ เบนเข็มรุกตลาดภูธร หนีศก.-อสังหาฯเมืองกรุงฟุบ

เมื่อ 27 มี.ค. 2561 อ่าน 819 ครั้ง

กสิกรฯ เบนเข็มรุกตลาดภูธร หนีศก.-อสังหาฯเมืองกรุงฟุบ

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)(KBANK) เปิดเผยว่า จาก 
สถานการณ์ทางการเมืองที่ยืดเยื้อ ส่งผลให้ยอดสินเชื่อบ้านในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมปีที่แล้วชะลอตัว 10-15% จาก 
ปีก่อนหน้า ขณะที่เดือนมกราคมปีนี้ ยอดสินเชื่อยังคงต่ำกว่าเป้า เนื่องจากลูกค้าชะลอการโอนและจดจำนองบ้าน ซึ่งจะทำ 
ให้บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชะลอแผนการลงทุนและเปิดขายโครงการน้อยลงในปี 2557 เพื่อดูผลกระทบต่อเศรษฐกิจ 
ในวงกว้าง และจะหันไปขยายการลงทุนโครงการแนวราบใน หัวเมืองต่างจังหวัดมากขึ้น เนื่องจากได้รับผล กระทบจาก 
การเมืองน้อยกว่ากรุงเทพฯ และปริมณฑล 

ทั้งนี้ ในช่วง 11 เดือนแรกปี 2556 (เดือน ม.ค.- พ.ย.) คอนโดมิเนียมมียอดขายสูงสุดถึง 90,000 หน่วย แต่ในเดือน ธ.ค. 
ยอดลดลงมาเหลือ 5,000 หน่วย ส่งผลให้แนวโน้มการซื้อขายคอนโดฯในปี 2557 นี้ จะชะลอตัวลงอยู่ที่ประมาณ 52,000- 
60,000 หน่วย 

สำหรับยอดสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั้งระบบในปี 2557 คาดว่าจะมียอดสินเชื่อใหม่ประมาณ 560,021 ล้านบาท และมียอด 
สินเชื่อคงค้างของทั้งระบบ ณ สิ้นปี 2557 อยู่ที่ 2.7 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5-9% (ปี 2556 ประมาณการยอดคงค้างที่ 2.48 
ล้านล้านบาท เติบโต 10.5% จากปี 2555) สำหรับธนาคารกสิกรไทย ตั้งเป้าสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่ม 7% เป็นยอดสินเชื่อใหม่ 
52,000 ล้านบาท และมียอดสินเชื่อคงค้าง 230,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อในกรุงเทพฯ 55% และ 
ต่างจังหวัด 45% จากที่ผ่านมามีสัดส่วนในกรุงเทพฯ 60% ต่างจังหวัด 35-40% และในช่วง 3 ปีข้างหน้า คาดว่าจะมีสัดส่วน 
การปล่อยสินเชื่อเป็น 50/50 

สำหรับปัจจัยที่จะส่งผลต่อการปล่อย สินเชื่อและการลงทุนของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ ปัจจัยหนุนที่ 
สำคัญได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น การกระจายความเจริญออกไปสู่หัวเมืองต่างจังหวัดทำให้ตลาด 
คอนโดมิเนียมบางพื้นที่ยังไปได้ดี เช่น จังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว แหล่งการศึกษา นิคมอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังมีแรง 
หนุนจากความต่อเนื่องของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ รายได้ของประชากร รวมทั้งการค้าชายแดน และการ 
เตรียมพร้อมเข้าสู่ AEC ในปี 2558 รวมทั้ง ยังมั่นใจว่า ธปท.จะรักษาระดับดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25% ก็ถือเป็นการกระตุ้น 
เศรษฐกิจให้เติบโต และทำให้อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6% ซึ่งเป็นระดับที่ลูกค้าสามารถผ่อนชำระ 
ได้ 

ด้านปัจจัยฉุดรั้ง ได้แก่ สถานการณ์ทาง การเมืองที่อาจยืดเยื้อส่งผลให้มีการชะลอการโอนและจำนองในพื้นที่เขต 
กรุงเทพฯและปริมณฑล นอกจากนี้ ยังมีภาระหนี้ครัวเรือน แม้จะเริ่มเห็นสัญญาณการเติบโตที่ชะลอลงของหนี้ครัวเรือน 
ไทย และระดับหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี ของไทยอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ทั้งนี้ หนี้ครัวเรือนไทยมี 
แนวโน้มเติบโตชะลอลง โดย ณ สิ้นปี 2557 คาดว่าอยู่ในระดับ 83.5% ต่อจีดีพี (ปี 2555 อยู่ที่ 77.3%/ ปี 2556 อยู่ที่ 81.5%) 
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยฉุดรั้ง เรื่องการขาดแคลนแรงงานที่ทำให้โครงการบ้านเสร็จช้ากว่ากำหนด ต้นทุนการก่อสร้างเพิ่มจาก 
ค่าแรง และราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ราคาที่อยู่อาศัยเพิ่มสูงขึ้นด้วย 

เลือกภาษาที่ท่านต้องการ